เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการ คลอดก่อนกำหนด
การคลอดก่อนกำหนด หรือ เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด (Preterm Labor) อาจมีระยะเวลาที่ต่างกัน โดยองค์การอนามัยโลกกำหนดว่า การเจ็บท้องคลอดขณะอายุครรภ์น้อยกว่า หรือ เท่ากับ 37 สัปดาห์ นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย สำหรับประเทศไทย กำหนดให้การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หมายถึง การเจ็บครรภ์คลอดที่เกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ 28-37 สัปดาห์
อันตรายของ “การคลอดก่อนกำหนด”
อันตรายต่อทารก
– ทำให้ทารกเสียชีวิตแรกเกิด เนื่องจากร่างกายที่เจริญเติบโตไม่เต็มที่ อวัยวะต่าง ๆ ยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น มีปัญหาการหายใจ การติดเชื้อ เลือดออกในสมอง เป็นต้น
– มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ภาวะหายใจลำบาก
– ทารก น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์
– ปัญหาระบบลำไส้ มีโอกาสเกิดลำไส้อักเสบ หรือลำไส้เน่าตามมา
– ปัญหาระบบหัวใจ และ หลอดเลือด
– เกิดภาวะจอประสาทตาผิดปกติ
– พัฒนาการช้า ส่งผลต่อพัฒนาการด้านจิตใจ ด้านภาษา และการพูด
– มีความบกพร่องเกี่ยวกับระบบประสาท และกล้ามเนื้อ
อันตรายกับคุณแม่
– เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน จากการได้รับยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
– ได้รับผลกระทบจากการนอนบนเตียงนาน ๆ มีผลต่อร่างกาย จิตใจ เช่น ท้องผูก กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ำหนักลด อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า
สาเหตุของการคลอดก่อนกำหนด
-
คลอดก่อนกำหนด เพราะไม่ได้ฝากครรภ์
-
ขาดสารอาหาร ไม่ได้รับวิตามินจำเป็นสำหรับคนท้อง
-
เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนดมาก่อน
-
มีประวัติ การทำผ่าตัดบริเวณคอมดลูก หรือมดลูก
-
มีภาวะเลือดออกก่อนกำหนด จากรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด
-
ภาวะน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
-
การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ หรือ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์
-
มีภาวะซีด ขาดธาตุเหล็ก
-
อายุน้อยกว่า 17 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
-
สูบบุหรี่ ใช้ยาเสพติด โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์
-
ต้องทำงานหนัก เดิน หรือยืนนาน ๆ ระหว่างตั้งครรภ์
-
มีภาวะเครียด กังวล ซึมเศร้า
-
ฯลฯ
สัญญาณ การคลอดก่อนกำหนด
– บวม และความดันโลหิตสูง อาจเป็นสัญญาณหนึ่งของครรภ์เป็นพิษ
– เลือดออกจากช่องคลอด หากเกิดจากสาเหตุที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด
– น้ำเดิน รู้สึกว่ามีน้ำใสๆ ไหลจากช่องคลอด ปริมาณมากกว่าตกขาวปกติ
– รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ หากรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยกว่าเดิม ให้รีบปรึกษาแพทย์ที่ดูแล
– อาการเจ็บครรภ์เป็นพัก ๆ ท้องแข็งบ่อย ๆ ควรลดกิจกรรมลง นอนพักดูอาการสักระยะ หากยังรู้สึกว่ามดลูกบีบตัวบ่อย ควรรีบปรึกษาแพทย์
– ปวดหลังช่วงล่างหรือบริเวณเอว เป็นต่อเนื่องหรือเป็น ๆ หาย ๆ แม้จะเปลี่ยนท่าทาง
– เจ็บท้องต่อเนื่องกัน 4 ครั้งใน 20 นาที หรืออาจเกิดเป็นระยะ ๆ เนื่องจากการหดตัวของมดลูก
การป้องกันคลอดก่อนกำหนด
– ฝากครรภ์ตามกำหนด คุณหมอจะให้คำแนะนำได้ว่าต้องกินอาหารแบบไหน ดูแลตัวเองอย่างไร รวมถึงจ่าย วิตามินที่จำเป็นสำหรับคนท้อง เช่น ธาตุเหล็ก โฟลิก ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากเคยมีประวัติการคลอดก่อนกำหนดมาก่อน ควรเข้ารับการตรวจและทดสอบครรภ์ อาจช่วยให้ลดโอกาสการคลอดก่อนกำหนดอีกครั้งได้
– กินอาหารมีประโยชน์ และวิตามินสำหรับคนท้อง ควรกินอาหาร และ วิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ เช่น กรดโฟลิค ธาตุเหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม วิตามินดี วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 12 ไนอาซิน หรือสังกะสี เพื่อชดเชยวิตามินและแร่ธาตุที่ขาดหายไป แต่ควรปรึกษาคุณหมอ เรื่องขนาดและปริมาณของวิตามิน และแร่ธาตุที่ควรได้รับระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
– ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การได้รับน้ำเพียงพอ จะช่วยลดการหลั่งสารแอนติไดยูเรติกฮอร์โมน (antidiuretic hormone) และออกซิโตซิน (oxytocin) จากต่อมใต้สมองซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
– นอนหลับให้เพียงพอ ช่วงตั้งครรภ์ ควรนอนหลับอย่างเพียงพอ ในตอนกลางคืน ควรนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และ งีบหลับช่วงกลางวัน 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงปลายไตรมาส 2-3
– ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด เพราะหากอยู่ในภาวะเครียด จะทำให้สารแคททีโคลามีน (catecholamine) หลั่งออกมามาก มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกลดลง และทำให้พรอสตาแกลน (prostaglandin) หลั่งออกมา กระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
– ฉีดยาโปรเจสเตอโรน ถ้าเคยมีประวัติการคลอดก่อนกําหนด คุณหมออาจให้ยาโปรเจสเตอโรนฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ เหน็บทางคลอดตั้งแต่อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ไปจนถึงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์
– งดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงการอยู่ในสถานที่ที่มีควันบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นทารก และคลอดก่อนกำหนดได้
– ระมัดระวังการทำกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย การยกของหนัก การทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก รวมถึงการกระแทก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
– ไม่ทำงานหนักเกินไป หากมีความเสี่ยงในการคลอดกำหนด ยิ่งต้องระวังไม่หักโหม ใช้ร่างกาย หรือทำงานหนักเกินไป ไม่เดิน หรือ ยืนนาน ๆ
– หลีกเลี่ยงการกระตุ้นหัวนม เช่น การบริหารดึงหัวนม แก้ปัญหาหัวนมสั้น เพื่อเตรียมพร้อมให้นมลูกหลังคลอด แต่ะการกระตุ้นหัวนมจะกระตุ้นการหลั่งของออกซิโตซิน ทำให้อาจเจ็บท้องคลอดได้ หากจะทำควรปรึกษากับคุณหมอก่อน
อ้างอิง :
โรงพยาบาลสมิติเวช
โรงพยาบาลกรุงเทพ
#สนับสนุนโดยกองทุนหลักประกันองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง
#งานกองทุนหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง
#งานสาธารณสุข
#งานหลักประกันสุขภาพ